ประสบการณ์โดนแฮ็กบัตรเครดิตครั้งเเรกในวัยก่อน 30 ของเรา
<ขออภัยนะครับ ยาวหน่อยเเต่เดือดร้อนจริงๆ เขียนกระทู้ครั้งเเรกด้วย>
Chapter1
อันที่จริงเรื่องเกิดมาสักพักหนึ่งเเล้วครับ เมื่อต้นเดือนตุลาคม ปี2024 ที่ผ่านมา ในขณะที่ผมนั่งทำงานอยู่ในร้านกาเเฟ ณ ปั๊มน้ำมันเเห่งหนึ่งในจังหวัดเเถบภาคตะวันออก (ไปทำงานต่างจังหวัดช่วงนั้นพอดีครับ) จู่ๆ ก็ได้มีเเจ้งเตือนผ่าน Notification ของเเอพธนาคาร TTB Touch ต่อเนื่องกันจำนวน 4 ครั้งว่า 'มีรายการใช้จ่ายผ่านบัตร' ดังนี้ครับ (ย้ำนะครับ ว่าไม่มีการขอ OTP ใดๆ ทั้งสิ้น)
- 15.24น. ท่านใช้จ่ายผ่านบัตร 26,500,000 VND ที่.......(ร้านค้าAสักเเห่งในเวียดนาม).......ผ่านบัตรเลขลงท้ายXXX1
- 15.25น. ท่านใช้จ่ายผ่านบัตร 13,500,000 VND ที่.......(ร้านค้าBสักเเห่งในเวียดนาม).......ผ่านบัตรเลขลงท้ายXXX2
- 15.26น. ท่านใช้จ่ายผ่านบัตร 2,500,000 VND ที่.......(ร้านค้าAสักเเห่งในเวียดนาม).......ผ่านบัตรเลขลงท้ายXXX1
- 15.29น. รายการใช้จ่ายเกินวงเงิน 26,500,000 VND ที่.......(ร้านค้า...สักเเห่งในเวียดนาม).......ผ่านบัตรเลขลงท้ายXXX2
ผมซึ่งทราบเรื่องเเทบจะในนาทีนั้นเลย จึงรู้เลยว่า "กุโดนเเล้ว!!!" ผมจึงรีบโทรไปเเจ้งเรื่องกับทางธนาคาร 1428 เเทบจะในทันที เวลา 15.31น. ว่าผมไม่ได้มีการใช้จ่ายรายการดังกล่าวทั้ง 3 รายการ (ที่สำเร็จ รวมเป็นเงินไทย ณ เรทขณะนั้นประมาณ 58,887 บาท) + 1 รายการที่พยายามจะใช้เเต่เกินวงเงิน เพื่อเเสดงเจตนาบริสุทธิ์ เเละเเจ้งอายัดทั้ง 2 บัตรเครดิต (2 ใบนี้มีวงเงินเดียวกัน ประมาณ 100k ครับ) ทั้งนี้ผมได้เเจ้งขอระงับค่าใช้จ่ายดังกล่าวทั้งหมด เพราะผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ เเละผมยังสอบถามเพิ่มเติมกับทางพนักงาน call center ณ ขณะนั้นด้วยว่า "ผมจำเป็นต้องไปเเจ้งความไหมครับ" ทางพนักงาน call center ตอบกลับมาว่า "ถ้าเเจ้งความมันจะเป็นคดีความนะคะ เผื่อกรณีมีญาตินำบัตรไปใช้เเล้วไม่ได้บอกผู้ถือบัตร" เเม้ในใจผมจะรู้ว่าไม่มีใครที่บ้านผมใช้บัตรเครดิตพวกนี้เเน่ๆ เเต่ก็รับฟังเเละก็เลือกปฏิบัติตามกระบวนการของธนาคารที่ได้รับคำเเนะนำมา อีกคำถามหนึ่งที่ผมจำได้ คือ "ผมจำเป็นต้องกังวลกับยอดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไหมครับ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ระงับได้ไหมครับ" ทางธนาคารตอบว่า "ทางธนาคารได้ดำเนินการให้เรียบร้อยเเล้วค่ะ ไม่ต้องกังวล" นอกจากนี้ยังให้ผมกรอก'เอกสารปฏิเสธการเรียกเก็บ' ซึ่งผมก็รีบดำเนินการทันทีหลังจากได้รับเเบบฟอร์มจากทางธนาคารผ่านอีเมล ซึ่งผมขีดถูกเลือกชัดเจนในฟอร์มว่า 'ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้รายการเรียกเก็บดังกล่าว'
หลังจากนั้น ค่าใช้จ่ายทั้ง 3 ยอด มีการบรรจุเข้าไปในรายการเรียกเก็บ เเละขึ้นสถานะ 'รอดำเนินการ' ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยอดที่ต้องจ่ายในรอบบิลถัดไป ซึ่งผมได้เข้ามาเช็คเเละเห็นค่าใช้จ่าย 3 ก้อนนี้ยังเรียกเก็บอยู่ จึงได้โทรไปเเจ้งกับทางธนาคาร 2 ครั้ง ในระหว่างรอดำเนินการ (พร้อมเล่าซ้ำ) เเละในต้นเดือนพฤศจิกายน ปี2024 ยอดเรียกเก็บยังไม่หายไป ผมจึงได้โทรไปสอบถามติดตามอีกครั้ง เเละทางพนักงาน call center ได้ให้ผม forward อีเมล 'เอกสารปฏิเสธการเรียกเก็บ' ไปอีก email address หนึ่ง เเละก็ได้รับการตอบกลับว่าได้รับเอกสารเรียบร้อยเเล้ว (ต่างจาก email address เเรกซึ่งไร้การตอบกลับ เเม้ผมจะส่งถูก address เเล้วก็ตาม) เเละก็โอเคครับ ยอดดังกล่าวทั้ง 3 ยอดหายไปก่อนวันครบกำหนดชำระ ผมโล่งไปเปลาะหนึ่ง
ในระหว่างเดือนพฤศจิกายนดังกล่าว (เท่าที่ผมตรวจสอบประวัติการโทรย้อนหลังได้) ทางธนาคารได้ติดต่อผมมา 2 ครั้งครับ เพื่อสอบถามว่าผมได้ไปผูกบัตรกับ Google Pay หรือมือถือ android ใดๆ ไว้ไหม (ผมใช้ iPhone ครับ) ซึ่งครั้งเเรกผมตอบว่า 'ไม่' เเต่ครั้งที่ 2 ผมเเจ้งธนาคารไปว่า 'เป็นไปได้ที่ผมอาจไปผูกบัตรเครดิตไว้เเบบไม่ทราบว่าคือ scam' (อยากช่วยธนาคารในการเสาะหาความจริง จริงๆ ครับตอนนั้น) คือ ต้องเรียนตามตรงนะครับว่าผมก่อนหน้านั้นผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าได้เคยไปผูกบัตรอะไรในที่เเปลกๆ ไว้หรือเปล่า เเต่หลังจากมาทบทวนจริงๆ ผมสงสัยอันหนึ่งที่เป็นไปได้ว่าคือ scam ครับ กล่าวคือ น่าจะก่อนเดือนตุลาคม ปี2024 เป็นหลักเดือนได้ครับ ได้มีการให้เราสามารถใช้คะเเนนจากค่ายมือถือในการเเลกรับสินค้าฟรีได้ โดยจะต้องเสียค่าจัดส่ง 10 บาท (ณ ตอนนั้นผูกบัตรเเรกไม่สำเร็จครับ เลยผูกอีกบัตร สรุปโดนรูดทั้งคู่เลย) ซึ่งผมก็สงสัยตัวเองในเวลานั้นเช่นกันครับ ทำไมถึงเชื่ออะไรขนาดนั้น คือ ปกติระวังพวกลิงค์ scam ทาง SMS หรือเว็บเเปลกๆ มากเลย เเต่อันนี้จำไม่ได้จริงๆ ครับ คลับคล้ายสุดเเล้วครับ ว่าถ้าโดนก็คงจะโดนทางนี้เเหละ จึงเเจ้งทางพนักงานที่โทรมาตามตรงไป เเละทางพนักงานก็ได้เเจ้งกลับมาเช่นกันว่ามีลูกค้ารายอื่นที่โดนกรณีคล้ายๆ กันที่ค่าส่ง 10 บาท เเละวันนั้นก็โอเคครับ วางสายกันไป โดยทางพนักงานได้เเจ้งอัพเดตสถานะกระบวนการว่า กำลังติดตามกับร้านค้าปลายทางอยู่
เเละในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนได้มีอีเมลจากทางธนาคารเเจ้งอัพเดตว่า 'อยู่ในระหว่างรอผลการตรวจสอบรายการไปยังธนาคารร้านค้า' เเละให้ทางผม 'รายงานปัญหาที่เกิดขึ้นโดยตรงกับ GOOGLE PAY ตามเอกสารเเนบ" ซึ่งเเน่นอนผมทำตามคู่มือกระบวนทุกอย่าง เเละตอบกลับทางธนาคารว่าได้จัดทำเรียบร้อยเเล้วครับ
หลังจากนั้นคือ เรื่องเงียบยาวไปเลยครับ
Chapter2
นับจากการติดต่อกันล่าสุดในท้ายเดือนพฤศจิกายนจนมาถึงต้นเดือนเมษายน ปี2025 (130วัน+ เเต่ถ้าคิดตั้งเเต่วันเเจ้งเรื่อง คือ 6 เดือน!!!) ทางธนาคารได้โทรมาเเจ้งว่า "ยังจำค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่มีการรูดทั้ง 3 รายการได้ไหมคะ ทางธนาคารสามารถปฏิเสธกับร้านค้าได้ 1 จาก 3 รายการค่ะ คุณลูกค้าต้องจ่ายอีก 2 ยอดที่เหลือ (รวม 40,181 บาท) ทางธนาคารสามารถช่วยได้เป็นการเเบ่งจ่าย 36 เดือน 0% ลูกค้าจะให้ดำเนินการให้เลยไหมคะ" ซึ่งผมในขณะนั้นขับรถกลับบ้านอยู่ ก็ช็อคสิครับ จากคำว่าไม่ต้องกังวลในวันนั้น สู่ 40,000 ในวันนี้ ผมได้เเต่ตอบไปเเบบใจเย็นๆ ว่า "ยังไม่ commit อะไรทั้งนั้นครับ เดี๋ยวขอลองหาวิธีดูก่อน" เเละไม่กี่วันถัดมา 2 รายการที่มียอดรวม 40,181 บาท ก็ถูกบรรจุในรายการที่ผมจะโดนเรียกเก็บในวันครบกำหนดชำระครั้งถัดไป
เข้าสู่ช่วงจิตใจว้าวุ่นอีกครั้ง ไม่เป็นอันทำงาน หลังจากคิดว่ามันจบไปนานเเล้ว เพราะทางธนาคารเคยเเจ้งด้วยซ้ำว่าระยะเวลาตรวจสอบอยู่ที่ 45 วัน เเต่นี่ 6 เดือน คุณพระ!!! ผมจึงลางานในสัปดาห์ถัดไปทันทีครับ (โทรมาเเจ้งศุกร์เย็น, เสาร์-อาทิตย์ผมติดธุระ) เพื่อพยายามเคลียร์เรื่องนี้เท่าที่ทำได้
1) ไปร้องเรียนที่ธนาคาร ttb สาขาใกล้บ้าน ผมรวบรวมเอกสาร ไทม์ไลน์ พี่พนักงานเขาน่ารักมากครับ รับฟัง เเละรับเรื่องอย่างใส่ใจ พร้อมรวบรวมเอกสารที่เราเตรียมไปเเนบส่งเมลไปให้ส่วนกลางหรือหน่วยที่รับผิดชอบเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ผมเข้าใจครับ เพราะว่าที่นี่เป็นสาขา ก็ถือว่าบรรยากาศดีครับ ผลลัพธ์ว่ากันอีกเรื่อง
เกร็ดที่ได้จากการไปพบพี่พนักงานที่สาขา: พี่พนักงานเขาเอาชื่อผมไปเช็คในระบบให้เเละเเจ้งผม ณ ตอนนั้นว่า เรื่องในระบบที่ผมยื่น จบไปตั้งเเต่เดือนพฤศจิกายน ปี2024 เเล้ว (คำถามในหัวผุดขึ้นทันที เเล้วทำไมเพิ่งมาเรียกเก็บตอนนี้)
2) ไปลงบันทึกประจำวันที่สน.ใกล้บ้าน เพื่อยืนยันเจตนา เเละก็เเนบเอกสารให้ธนาคารสาขาที่ไปมาตามข้อ1) ด้วยอีกทีครับ
เกร็ดที่ได้จากการไปสน.วันนี้: ได้หารือกับทนายประจำโรงพักที่ให้คำปรึกษาฟรี ได้ความว่า ถ้าโดนเรียกเก็บ มีสิทธิ์ฟ้องกลับ
Chapter3
ผลของการร้องเรียนครั้งล่าสุดออกมาเเล้วครับ คือ เหมือนเดิมครับ ต้องจ่าย 2 รายการ มูลค่ารวม 40,181 บาท (เนื่องจากปฏิเสธรายการไม่สำเร็จ) เหตุผล คือ ธนาคารฯ ได้ดำเนินการปฏิเสธรายการผ่านระบบวีซ่า ทั้งนี้เนื่องจากเป็นรายการที่มีการยืนยันตัวตนโดยผู้ถือบัตรหรือการกรอกรหัสผ่านชั่วคราว OTP หรือ One Time Password ธนาคารร้านค้าจึงขอยืนยันเรียกเก็บรายการสำหรับรายการที่ไม่สำเร็จ 2 รายการ โดยรายการจะปรากฎในใบแจ้งยอดรอบบัญชีถัดไป (ก็ผมบอกอยู่ตั้งเเต่วันเเรกที่เเจ้งเรื่อง ว่าไม่ได้มีรับหรือกด OTP ใดๆ เลย!!!!!!!!!!!!)
Final Chapter
สรุปประเด็นของผมนะครับ เเละจะ point คำถามพ่วงไว้ด้วยเลย
1. ผมไม่ได้เป็นผู้ที่ใช้จ่ายยอดดังกล่าว (ที่กล่าวข้างต้นทั้งหมด) ยืนยัน 1000% ครับ (เวียดนามผมก็ยังไม่เคยไป)
2. ผม ซึ่งเป็นผู้เสียหายในกรณีนี้ เเม้จะอาจโดน scam เพราะความพลาดพลั้งหรือไม่ระวัง จนอาจก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าว (ย้ำนะครับ อาจจะ!) เเม้จะเร่งดำเนินการเเละปฏิบัติตามขั้นตอนของธนาคารอย่างเคร่งครัดเเละรวดเร็ว (ในฝั่งของผมนะครับ) เเต่ก็ยังไม่สามารถพ้นจากความเสียหายดังกล่าว ใช่ไหมครับ (แปลง่ายๆ คือ คุณพลาดเอง เราดำเนินการให้คุณได้เท่านี้ คุณต้องรับผิดชอบในส่วนที่คุณพลาดเอง เเม้คุณจะไม่ได้ใช้เงินดังกล่าวจริงๆ ก็เถอะ เเละเราก็ไม่มีวิธีช่วยคุณไปมากกว่านี้เเล้ว เเม้ว่าคุณจะดำเนินการตามขั้นตอนเราสุดๆ เเล้วก็เถอะ ใครพลาดหรือฉลาดน้อยก็โดนไป ตอนนี้ผมเเปลว่าเเบบนี้ครับ ถ้าดูจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้)
2.1 จากข้อหลัก หมายความว่า ระบบวีซ่าเเบบการจ่ายรูปเเบบนี้ (Google Pay หรืออะไรก็ตามเถอะที่ผมต้องเสียเงินโดยที่ผมไม่ได้ยืนยันตัวตนเองด้วยซ้ำ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า two-factor authentication เลยหรืออย่างไรกับยอดค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้ เเล้วก็คือจะปล่อยให้เป็นช่องว่างของมิจฉาชีพอยู่เเบบนี้หรอครับ (เข้าใจว่าอาจจะเกินอำนาจหน้าที่ของส่วนธนาคารไปเเล้ว เเต่ในส่วนที่รับผิดชอบ ถ้าเจอกรณีเเบบนี้ไม่มีวิธีช่วยลูกค้าเลยหรือครับ หรือถ้าปลายทางเเจ้งว่าถูกต้องก็คือจบเลย เเล้วความปลอดภัยลูกค้าธนาคารนี้อยู่ตรงไหนครับ)
2.2 จากข้อหลัก นอกจากนี้ทางธนาคารยังไม่ให้คำเเนะนำเกี่ยวกับการเเจ้งความหรือไปลงบันทึกประจำวันเพื่อมีผลทางกฏหมายต่อมิจฉาชีพ (อันนี้ผมคิดเองนะครับ เช่น อย่างน้อยให้มีผลทางกฎหมายคลุมไว้ เผื่อกรณีต้องไปขอดูกล้องวงจรปิดร้าน ณ เวลาเกิดเหตุ เพราะรายการที่ซื้อไปโดยมิจฉาชีพ ผมเชื่อว่าถ้าธนาคารดำเนินการไวกว่านี้ เราคงมีวิธีตามจับมากกว่านี้ครับ ส่วนตามหรือไม่ตามเป็นอีกเรื่องนึงครับ เเต่ 6 เดือนที่เว้นมา มันจับมือใครดมยากเเล้วครับ อันนี้เเค่ยกตัวอย่างนะครับ) เเต่ทั้งนี้เข้าใจว่าส่วนหนึ่งลูกค้าเองก็ต้องเเอคชั่นเองเนื่องจากเป็นผู้เสียประโยชน์ เเต่ผู้ให้บริการก็ควรเเนะไหมครับ ถ้าเเนะเเค่ว่าเดี๋ยวรอทางธนาคารตรวจสอบเเล้วทำงานกันช้าขนาดนี้ มันจะไปทำอะไรได้ครับ
3. ทางธนาคารไม่มี time flame ในการตามเรื่องให้ลูกค้าที่โดน scam เลยหรอครับ นี่ถ้านับจากครั้งล่าสุดที่ mail มาก็ 3 เดือน+ หรือถ้านับตั้งเเต่วันเเจ้งเรื่องก็ 6 เดือนเศษ มาตรฐานอยู่ตรงไหนครับ
4. เดี๋ยวนี้เวลามีการใช้จ่ายยอดเเปลกๆ ธนาคารไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเเจ้งหรืออายัดอัตโนมัติเเล้วหรือครับ พอดีมีคนรู้จักใช้เเบรนด์ธนาคารอื่น ยอดเเปลกๆ 2,000 บาทยังโทรถามลูกค้าเลย (อันนี้ถามเป็นความรู้นะครับ) ไม่มี ตอบไม่มี ถ้าเเบรนด์ไหนมีจะได้ไปใช้บริการครับ
สุดท้ายนี้ถึงผู้อ่านที่ยังอ่านอยู่ทุกท่านนะครับ ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
*จำกัดวงเงินบัตรเครดิตตัวเองด้วย
**ถ้า submit การจ่ายอะไรเเล้วๆ มันไม่หักยอดเราจริงๆ ให้สงสัยว่าคือ scam เเล้วอายัดบัตรรอได้เลยครับ
สุดท้ายถึง ttb ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกค้าที่มีวินัยคนหนึ่งเลยครับ จ่ายบัตรเครดิตเต็มตลอด เพราะประทับใจสินค้าเเละบริการของพวกคุณ
เเต่ตอนนี้ถ้าผมต้องจ่าย 40,181 บาทนี้ ผมคงต้องบอกลาพวกคุณครับ
บัตรเครดิต TTB โดนเเฮ็ก 40,000 บาท (สุดซวยธนาคารบอกให้จ่าย)
<ขออภัยนะครับ ยาวหน่อยเเต่เดือดร้อนจริงๆ เขียนกระทู้ครั้งเเรกด้วย>
Chapter1
อันที่จริงเรื่องเกิดมาสักพักหนึ่งเเล้วครับ เมื่อต้นเดือนตุลาคม ปี2024 ที่ผ่านมา ในขณะที่ผมนั่งทำงานอยู่ในร้านกาเเฟ ณ ปั๊มน้ำมันเเห่งหนึ่งในจังหวัดเเถบภาคตะวันออก (ไปทำงานต่างจังหวัดช่วงนั้นพอดีครับ) จู่ๆ ก็ได้มีเเจ้งเตือนผ่าน Notification ของเเอพธนาคาร TTB Touch ต่อเนื่องกันจำนวน 4 ครั้งว่า 'มีรายการใช้จ่ายผ่านบัตร' ดังนี้ครับ (ย้ำนะครับ ว่าไม่มีการขอ OTP ใดๆ ทั้งสิ้น)
- 15.24น. ท่านใช้จ่ายผ่านบัตร 26,500,000 VND ที่.......(ร้านค้าAสักเเห่งในเวียดนาม).......ผ่านบัตรเลขลงท้ายXXX1
- 15.25น. ท่านใช้จ่ายผ่านบัตร 13,500,000 VND ที่.......(ร้านค้าBสักเเห่งในเวียดนาม).......ผ่านบัตรเลขลงท้ายXXX2
- 15.26น. ท่านใช้จ่ายผ่านบัตร 2,500,000 VND ที่.......(ร้านค้าAสักเเห่งในเวียดนาม).......ผ่านบัตรเลขลงท้ายXXX1
-
15.29น. รายการใช้จ่ายเกินวงเงิน 26,500,000 VND ที่.......(ร้านค้า...สักเเห่งในเวียดนาม).......ผ่านบัตรเลขลงท้ายXXX2ผมซึ่งทราบเรื่องเเทบจะในนาทีนั้นเลย จึงรู้เลยว่า "กุโดนเเล้ว!!!" ผมจึงรีบโทรไปเเจ้งเรื่องกับทางธนาคาร 1428 เเทบจะในทันที เวลา 15.31น. ว่าผมไม่ได้มีการใช้จ่ายรายการดังกล่าวทั้ง 3 รายการ (ที่สำเร็จ รวมเป็นเงินไทย ณ เรทขณะนั้นประมาณ 58,887 บาท) + 1 รายการที่พยายามจะใช้เเต่เกินวงเงิน เพื่อเเสดงเจตนาบริสุทธิ์ เเละเเจ้งอายัดทั้ง 2 บัตรเครดิต (2 ใบนี้มีวงเงินเดียวกัน ประมาณ 100k ครับ) ทั้งนี้ผมได้เเจ้งขอระงับค่าใช้จ่ายดังกล่าวทั้งหมด เพราะผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ เเละผมยังสอบถามเพิ่มเติมกับทางพนักงาน call center ณ ขณะนั้นด้วยว่า "ผมจำเป็นต้องไปเเจ้งความไหมครับ" ทางพนักงาน call center ตอบกลับมาว่า "ถ้าเเจ้งความมันจะเป็นคดีความนะคะ เผื่อกรณีมีญาตินำบัตรไปใช้เเล้วไม่ได้บอกผู้ถือบัตร" เเม้ในใจผมจะรู้ว่าไม่มีใครที่บ้านผมใช้บัตรเครดิตพวกนี้เเน่ๆ เเต่ก็รับฟังเเละก็เลือกปฏิบัติตามกระบวนการของธนาคารที่ได้รับคำเเนะนำมา อีกคำถามหนึ่งที่ผมจำได้ คือ "ผมจำเป็นต้องกังวลกับยอดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไหมครับ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ระงับได้ไหมครับ" ทางธนาคารตอบว่า "ทางธนาคารได้ดำเนินการให้เรียบร้อยเเล้วค่ะ ไม่ต้องกังวล" นอกจากนี้ยังให้ผมกรอก'เอกสารปฏิเสธการเรียกเก็บ' ซึ่งผมก็รีบดำเนินการทันทีหลังจากได้รับเเบบฟอร์มจากทางธนาคารผ่านอีเมล ซึ่งผมขีดถูกเลือกชัดเจนในฟอร์มว่า 'ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้รายการเรียกเก็บดังกล่าว'
หลังจากนั้น ค่าใช้จ่ายทั้ง 3 ยอด มีการบรรจุเข้าไปในรายการเรียกเก็บ เเละขึ้นสถานะ 'รอดำเนินการ' ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยอดที่ต้องจ่ายในรอบบิลถัดไป ซึ่งผมได้เข้ามาเช็คเเละเห็นค่าใช้จ่าย 3 ก้อนนี้ยังเรียกเก็บอยู่ จึงได้โทรไปเเจ้งกับทางธนาคาร 2 ครั้ง ในระหว่างรอดำเนินการ (พร้อมเล่าซ้ำ) เเละในต้นเดือนพฤศจิกายน ปี2024 ยอดเรียกเก็บยังไม่หายไป ผมจึงได้โทรไปสอบถามติดตามอีกครั้ง เเละทางพนักงาน call center ได้ให้ผม forward อีเมล 'เอกสารปฏิเสธการเรียกเก็บ' ไปอีก email address หนึ่ง เเละก็ได้รับการตอบกลับว่าได้รับเอกสารเรียบร้อยเเล้ว (ต่างจาก email address เเรกซึ่งไร้การตอบกลับ เเม้ผมจะส่งถูก address เเล้วก็ตาม) เเละก็โอเคครับ ยอดดังกล่าวทั้ง 3 ยอดหายไปก่อนวันครบกำหนดชำระ ผมโล่งไปเปลาะหนึ่ง
ในระหว่างเดือนพฤศจิกายนดังกล่าว (เท่าที่ผมตรวจสอบประวัติการโทรย้อนหลังได้) ทางธนาคารได้ติดต่อผมมา 2 ครั้งครับ เพื่อสอบถามว่าผมได้ไปผูกบัตรกับ Google Pay หรือมือถือ android ใดๆ ไว้ไหม (ผมใช้ iPhone ครับ) ซึ่งครั้งเเรกผมตอบว่า 'ไม่' เเต่ครั้งที่ 2 ผมเเจ้งธนาคารไปว่า 'เป็นไปได้ที่ผมอาจไปผูกบัตรเครดิตไว้เเบบไม่ทราบว่าคือ scam' (อยากช่วยธนาคารในการเสาะหาความจริง จริงๆ ครับตอนนั้น) คือ ต้องเรียนตามตรงนะครับว่าผมก่อนหน้านั้นผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าได้เคยไปผูกบัตรอะไรในที่เเปลกๆ ไว้หรือเปล่า เเต่หลังจากมาทบทวนจริงๆ ผมสงสัยอันหนึ่งที่เป็นไปได้ว่าคือ scam ครับ กล่าวคือ น่าจะก่อนเดือนตุลาคม ปี2024 เป็นหลักเดือนได้ครับ ได้มีการให้เราสามารถใช้คะเเนนจากค่ายมือถือในการเเลกรับสินค้าฟรีได้ โดยจะต้องเสียค่าจัดส่ง 10 บาท (ณ ตอนนั้นผูกบัตรเเรกไม่สำเร็จครับ เลยผูกอีกบัตร สรุปโดนรูดทั้งคู่เลย) ซึ่งผมก็สงสัยตัวเองในเวลานั้นเช่นกันครับ ทำไมถึงเชื่ออะไรขนาดนั้น คือ ปกติระวังพวกลิงค์ scam ทาง SMS หรือเว็บเเปลกๆ มากเลย เเต่อันนี้จำไม่ได้จริงๆ ครับ คลับคล้ายสุดเเล้วครับ ว่าถ้าโดนก็คงจะโดนทางนี้เเหละ จึงเเจ้งทางพนักงานที่โทรมาตามตรงไป เเละทางพนักงานก็ได้เเจ้งกลับมาเช่นกันว่ามีลูกค้ารายอื่นที่โดนกรณีคล้ายๆ กันที่ค่าส่ง 10 บาท เเละวันนั้นก็โอเคครับ วางสายกันไป โดยทางพนักงานได้เเจ้งอัพเดตสถานะกระบวนการว่า กำลังติดตามกับร้านค้าปลายทางอยู่
เเละในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนได้มีอีเมลจากทางธนาคารเเจ้งอัพเดตว่า 'อยู่ในระหว่างรอผลการตรวจสอบรายการไปยังธนาคารร้านค้า' เเละให้ทางผม 'รายงานปัญหาที่เกิดขึ้นโดยตรงกับ GOOGLE PAY ตามเอกสารเเนบ" ซึ่งเเน่นอนผมทำตามคู่มือกระบวนทุกอย่าง เเละตอบกลับทางธนาคารว่าได้จัดทำเรียบร้อยเเล้วครับ
หลังจากนั้นคือ เรื่องเงียบยาวไปเลยครับ
Chapter2
นับจากการติดต่อกันล่าสุดในท้ายเดือนพฤศจิกายนจนมาถึงต้นเดือนเมษายน ปี2025 (130วัน+ เเต่ถ้าคิดตั้งเเต่วันเเจ้งเรื่อง คือ 6 เดือน!!!) ทางธนาคารได้โทรมาเเจ้งว่า "ยังจำค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่มีการรูดทั้ง 3 รายการได้ไหมคะ ทางธนาคารสามารถปฏิเสธกับร้านค้าได้ 1 จาก 3 รายการค่ะ คุณลูกค้าต้องจ่ายอีก 2 ยอดที่เหลือ (รวม 40,181 บาท) ทางธนาคารสามารถช่วยได้เป็นการเเบ่งจ่าย 36 เดือน 0% ลูกค้าจะให้ดำเนินการให้เลยไหมคะ" ซึ่งผมในขณะนั้นขับรถกลับบ้านอยู่ ก็ช็อคสิครับ จากคำว่าไม่ต้องกังวลในวันนั้น สู่ 40,000 ในวันนี้ ผมได้เเต่ตอบไปเเบบใจเย็นๆ ว่า "ยังไม่ commit อะไรทั้งนั้นครับ เดี๋ยวขอลองหาวิธีดูก่อน" เเละไม่กี่วันถัดมา 2 รายการที่มียอดรวม 40,181 บาท ก็ถูกบรรจุในรายการที่ผมจะโดนเรียกเก็บในวันครบกำหนดชำระครั้งถัดไป
เข้าสู่ช่วงจิตใจว้าวุ่นอีกครั้ง ไม่เป็นอันทำงาน หลังจากคิดว่ามันจบไปนานเเล้ว เพราะทางธนาคารเคยเเจ้งด้วยซ้ำว่าระยะเวลาตรวจสอบอยู่ที่ 45 วัน เเต่นี่ 6 เดือน คุณพระ!!! ผมจึงลางานในสัปดาห์ถัดไปทันทีครับ (โทรมาเเจ้งศุกร์เย็น, เสาร์-อาทิตย์ผมติดธุระ) เพื่อพยายามเคลียร์เรื่องนี้เท่าที่ทำได้
1) ไปร้องเรียนที่ธนาคาร ttb สาขาใกล้บ้าน ผมรวบรวมเอกสาร ไทม์ไลน์ พี่พนักงานเขาน่ารักมากครับ รับฟัง เเละรับเรื่องอย่างใส่ใจ พร้อมรวบรวมเอกสารที่เราเตรียมไปเเนบส่งเมลไปให้ส่วนกลางหรือหน่วยที่รับผิดชอบเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ผมเข้าใจครับ เพราะว่าที่นี่เป็นสาขา ก็ถือว่าบรรยากาศดีครับ ผลลัพธ์ว่ากันอีกเรื่อง
เกร็ดที่ได้จากการไปพบพี่พนักงานที่สาขา: พี่พนักงานเขาเอาชื่อผมไปเช็คในระบบให้เเละเเจ้งผม ณ ตอนนั้นว่า เรื่องในระบบที่ผมยื่น จบไปตั้งเเต่เดือนพฤศจิกายน ปี2024 เเล้ว (คำถามในหัวผุดขึ้นทันที เเล้วทำไมเพิ่งมาเรียกเก็บตอนนี้)
2) ไปลงบันทึกประจำวันที่สน.ใกล้บ้าน เพื่อยืนยันเจตนา เเละก็เเนบเอกสารให้ธนาคารสาขาที่ไปมาตามข้อ1) ด้วยอีกทีครับ
เกร็ดที่ได้จากการไปสน.วันนี้: ได้หารือกับทนายประจำโรงพักที่ให้คำปรึกษาฟรี ได้ความว่า ถ้าโดนเรียกเก็บ มีสิทธิ์ฟ้องกลับ
Chapter3
ผลของการร้องเรียนครั้งล่าสุดออกมาเเล้วครับ คือ เหมือนเดิมครับ ต้องจ่าย 2 รายการ มูลค่ารวม 40,181 บาท (เนื่องจากปฏิเสธรายการไม่สำเร็จ) เหตุผล คือ ธนาคารฯ ได้ดำเนินการปฏิเสธรายการผ่านระบบวีซ่า ทั้งนี้เนื่องจากเป็นรายการที่มีการยืนยันตัวตนโดยผู้ถือบัตรหรือการกรอกรหัสผ่านชั่วคราว OTP หรือ One Time Password ธนาคารร้านค้าจึงขอยืนยันเรียกเก็บรายการสำหรับรายการที่ไม่สำเร็จ 2 รายการ โดยรายการจะปรากฎในใบแจ้งยอดรอบบัญชีถัดไป (ก็ผมบอกอยู่ตั้งเเต่วันเเรกที่เเจ้งเรื่อง ว่าไม่ได้มีรับหรือกด OTP ใดๆ เลย!!!!!!!!!!!!)
Final Chapter
สรุปประเด็นของผมนะครับ เเละจะ point คำถามพ่วงไว้ด้วยเลย
1. ผมไม่ได้เป็นผู้ที่ใช้จ่ายยอดดังกล่าว (ที่กล่าวข้างต้นทั้งหมด) ยืนยัน 1000% ครับ (เวียดนามผมก็ยังไม่เคยไป)
2. ผม ซึ่งเป็นผู้เสียหายในกรณีนี้ เเม้จะอาจโดน scam เพราะความพลาดพลั้งหรือไม่ระวัง จนอาจก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าว (ย้ำนะครับ อาจจะ!) เเม้จะเร่งดำเนินการเเละปฏิบัติตามขั้นตอนของธนาคารอย่างเคร่งครัดเเละรวดเร็ว (ในฝั่งของผมนะครับ) เเต่ก็ยังไม่สามารถพ้นจากความเสียหายดังกล่าว ใช่ไหมครับ (แปลง่ายๆ คือ คุณพลาดเอง เราดำเนินการให้คุณได้เท่านี้ คุณต้องรับผิดชอบในส่วนที่คุณพลาดเอง เเม้คุณจะไม่ได้ใช้เงินดังกล่าวจริงๆ ก็เถอะ เเละเราก็ไม่มีวิธีช่วยคุณไปมากกว่านี้เเล้ว เเม้ว่าคุณจะดำเนินการตามขั้นตอนเราสุดๆ เเล้วก็เถอะ ใครพลาดหรือฉลาดน้อยก็โดนไป ตอนนี้ผมเเปลว่าเเบบนี้ครับ ถ้าดูจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้)
2.1 จากข้อหลัก หมายความว่า ระบบวีซ่าเเบบการจ่ายรูปเเบบนี้ (Google Pay หรืออะไรก็ตามเถอะที่ผมต้องเสียเงินโดยที่ผมไม่ได้ยืนยันตัวตนเองด้วยซ้ำ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า two-factor authentication เลยหรืออย่างไรกับยอดค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้ เเล้วก็คือจะปล่อยให้เป็นช่องว่างของมิจฉาชีพอยู่เเบบนี้หรอครับ (เข้าใจว่าอาจจะเกินอำนาจหน้าที่ของส่วนธนาคารไปเเล้ว เเต่ในส่วนที่รับผิดชอบ ถ้าเจอกรณีเเบบนี้ไม่มีวิธีช่วยลูกค้าเลยหรือครับ หรือถ้าปลายทางเเจ้งว่าถูกต้องก็คือจบเลย เเล้วความปลอดภัยลูกค้าธนาคารนี้อยู่ตรงไหนครับ)
2.2 จากข้อหลัก นอกจากนี้ทางธนาคารยังไม่ให้คำเเนะนำเกี่ยวกับการเเจ้งความหรือไปลงบันทึกประจำวันเพื่อมีผลทางกฏหมายต่อมิจฉาชีพ (อันนี้ผมคิดเองนะครับ เช่น อย่างน้อยให้มีผลทางกฎหมายคลุมไว้ เผื่อกรณีต้องไปขอดูกล้องวงจรปิดร้าน ณ เวลาเกิดเหตุ เพราะรายการที่ซื้อไปโดยมิจฉาชีพ ผมเชื่อว่าถ้าธนาคารดำเนินการไวกว่านี้ เราคงมีวิธีตามจับมากกว่านี้ครับ ส่วนตามหรือไม่ตามเป็นอีกเรื่องนึงครับ เเต่ 6 เดือนที่เว้นมา มันจับมือใครดมยากเเล้วครับ อันนี้เเค่ยกตัวอย่างนะครับ) เเต่ทั้งนี้เข้าใจว่าส่วนหนึ่งลูกค้าเองก็ต้องเเอคชั่นเองเนื่องจากเป็นผู้เสียประโยชน์ เเต่ผู้ให้บริการก็ควรเเนะไหมครับ ถ้าเเนะเเค่ว่าเดี๋ยวรอทางธนาคารตรวจสอบเเล้วทำงานกันช้าขนาดนี้ มันจะไปทำอะไรได้ครับ
3. ทางธนาคารไม่มี time flame ในการตามเรื่องให้ลูกค้าที่โดน scam เลยหรอครับ นี่ถ้านับจากครั้งล่าสุดที่ mail มาก็ 3 เดือน+ หรือถ้านับตั้งเเต่วันเเจ้งเรื่องก็ 6 เดือนเศษ มาตรฐานอยู่ตรงไหนครับ
4. เดี๋ยวนี้เวลามีการใช้จ่ายยอดเเปลกๆ ธนาคารไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเเจ้งหรืออายัดอัตโนมัติเเล้วหรือครับ พอดีมีคนรู้จักใช้เเบรนด์ธนาคารอื่น ยอดเเปลกๆ 2,000 บาทยังโทรถามลูกค้าเลย (อันนี้ถามเป็นความรู้นะครับ) ไม่มี ตอบไม่มี ถ้าเเบรนด์ไหนมีจะได้ไปใช้บริการครับ
สุดท้ายนี้ถึงผู้อ่านที่ยังอ่านอยู่ทุกท่านนะครับ ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
*จำกัดวงเงินบัตรเครดิตตัวเองด้วย
**ถ้า submit การจ่ายอะไรเเล้วๆ มันไม่หักยอดเราจริงๆ ให้สงสัยว่าคือ scam เเล้วอายัดบัตรรอได้เลยครับ
สุดท้ายถึง ttb ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกค้าที่มีวินัยคนหนึ่งเลยครับ จ่ายบัตรเครดิตเต็มตลอด เพราะประทับใจสินค้าเเละบริการของพวกคุณ
เเต่ตอนนี้ถ้าผมต้องจ่าย 40,181 บาทนี้ ผมคงต้องบอกลาพวกคุณครับ